ตารางเปรียบเทียบระหว่างจ้างทำApplicationใหม่กับบริษัทรับทำApp VS ใช้ระบบAppสำเร็จรูปอะไรเหมาะสมกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน
ในยุคของ Mcommerce ผู้ประกอบการหลายท่านเริ่มมองหาบริษัทรับทำApplication ทั้ง iOS และ Android เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่งกันออกไป บ้างก็ใช้เพื่อเป็นCatalog บ้างก็ใช้เพื่อเป็น Application ขายสินค้าหรือบริการของบริษัท หรือไม่ก็ใช้ Application เพื่อช่วยจัดการบริหารเพื่อเพิ่ม Productivity มากขึ้นโดยใช้เวลาทำงานน้อยลง (พูดง่ายๆคือผลผลิตและประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เวลาลดลง) ซึ่งก็ทำให้ต้องตัดสินใจว่าจะจ้างทำใหม่เลยหรือว่าใช้ App ระบบสำเร็จรูปของ GETAPPEASY ดี ทั้งนี้ทางเราได้ทำตารางเปรียบเทียบมาให้ลูกค้าดูจากประสบการณ์จริงที่ผ่านการทำ Application มากกว่า 80 ตัว ทั้งระบบสำเร็จรูป และจ้างทำใหม่ ดังตารางข้างล่างนี้
รายการเปรียบเทียบ | จ้างทำAppใหม่เลย | ใช้ระบบAppสำเร็จรูป |
1. ความสวยงาม | ขึ้นอยู่กับความเป็นมืออาชีพของผู้ออกแบบ | สวยงามเนื่องจากออกแบบตามหลักการUX/UI ที่ถูกต้อง |
2. หน้าตาสามารถCUSTOMIZEได้ | สามารถCUSTOMIZEได้ตามความต้องการ (แต่ยิ่งCUSTOMIZEมากเท่าไรการแสดงผลจะยิ่งเพี้ยนมากเท่านั้น) | Customize ได้บางส่วนที่ระบบเปิดให้ (ข้อดีคือการแสดงผลจะสวยงามในทุกหน้าจอ) |
3. ระยะเวลาการพัฒนาApp | ส่วนใหญ่มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป | ระยะเวลาประมาณ 30 วันเท่านั้น |
4. ระบบหลังบ้านใช้งานได้ดีแค่ไหน | ส่วนมากจะทำได้จำกัดเนื่องด้วยโปรแกรมเมอร์ไม่ว่างที่จะมาคิด Flow ให้ และเจ้าของก็ไม่มีเวลาด้วย รวมถึงเจ้าของเองก็คิดไม่ออก โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ | ระบบจะใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะของ GETAPPEASY เรามีการวิเคราะห์มาหมดแล้วทั้งในของไทยและระดับสากล ว่าระบบควรมีอะไรบ้างเพื่อให้ผู้ประกอบการทำงานง่ายขึ้น และต้องมีระบบอะไรบ้างที่สามารถช่วยสนับสนุนการเพิ่มยอดขายได้อย่างแท้จริง ด้วยระบบที่พัฒนามายาวนานกว่า 5 ปี |
5. การเกิด BUG (ข้อผิดพลาดของโปรแกรม) | มีมากแน่นอนเนื่องจากเป็นการพัฒนาใหม่หมด ดังนั้นกว่าจะไล่แก้bugแล้วแก้อีก กว่าจะใช้งานได้จริงบางโครงการใช้เวลาหลายปี กว่าจะแก้ bug ให้เหลือน้อยที่สุด ยิ่งถ้าโปรแกรมขนาดยิ่งใหญ่ bug ก็จะเกิดขึ้นมากเท่านั้น | ด้วยระบบสำเร็จรูปที่มีการพัฒนาและทดสอบตลอดเวลา จึงมีโอกาสเกิด Bug ตำกว่ามาก และถ้ามีคนใดคนนึงเกิด BUG เมื่อเราแก้ไขระบบแกนกลางลูกค้าจะได้รับการแก้ไขพร้อมกันหมด |
6. เมื่อiOS และAndroid ออก Version ใหม่ | มีแนวโน้มสูงที่ต้องจ้างทำให้Appให้รองรับVersionใหม่ๆตลอด ยิ่งถ้าปรับแต่งหน้าตาไม่ถูกหลัก UX/UI มากๆ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามมา รวมทั้งเวลาในการพัฒนาอัพเดทก็จะนานขึ้น | ระบบที่ดีจะมีการปรับ App ให้รองรับการออก Versionใหม่ๆ โดยที่คุณจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการUpdateเลย และที่สำคัญค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามากถ้าใช้ระบบของ GETAPPEASY ราคาในการมีแอพร้านค้าออนไลน์ไว้ขายของเริ่มต้นเพีง 240 บาท/เดือนเท่านั้น |
7. ค่าใช้จ่ายในการทำApplication | ค่าใช้จ่ายสูงในการจ้างพัฒนาApp โดยเฉพาะ Appระบบร้านค้าออนไลน์ ถ้าความสามารถใช้งานได้จริงค่าพัฒนามีหลักล้านถึงหลายล้าน | ค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามากถ้าใช้ระบบของ GETAPPEASY ราคาในการมีแอพร้านค้าออนไลน์ไว้ขายของเริ่มต้นเพีง 240 บาท/เดือนเท่านั้น (ค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ความสามารถของระบบสูงเทียบเท่าการจ้างทำหลัก10ล้าน) |
8. ค่าใช้จ่ายหลังส่งมอบงาน | มีค่า HOSTING รายเดือน,ค่าSSL(ระบบความปลอดภัย)รายปี,ค่าDomainรายปี,ค่า Apple developer รายปี ค่า Google Developer ,ค่า Annual Maintenance สำหรับBUG(รายปี),ค่าจ้างในการ Update Version ในทุกครั้งที่ iOS,android มีการอัพเดท | เสียเพียงค่ารายเดือนเริ่มต้นเพียง 240 บาท/ เดือนเท่านั้น อย่างอื่น บริษัท GETAPPEASY เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด |
9. การตามตัวโปรแกรมเมอร์เพื่อแก้ไขงาน | ถ้าเป็นบริษัทต้องรอคิวเพื่อแก้ไขงานทำให้ธุรกิจสะดุด ยิ่งถ้าเป็น Freelance หรือบริษัทเล็กๆ อาจปิดตัว ทำให้เกิดความยุ่งยากในการ Update แก้ไข | ง่ายมาก เนื่องจาก GETAPPEASY เป็นระบบสำเร็จรูป มีลูกค้าที่ใช้ระบบเดียวกันอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นมืออาชีพที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง การเข้ารวดเร็วจากทั่วโลก เนื่องจากระบบ GETAPPEASY |
10. ความรวดเร็วในการเข้าเวบและApp | ขึ้นอยู่กับ SERVER ถ้าไม่ใช้ระบบ CLOUD การเข้าก็จะช้าและมีสิทธิ์ล่มมากกว่าและยิ่งหากเข้าจากต่างประเทศก็จะช้า แต่ถ้าใช้ CLOUD ที่ดีๆค่าใช่จ่ายเริ่มต้นหลักพันต่อเดือน ยิ่งถ้าข้อมูลมากอาจสูงถึงหลักหมื่นขึ้นไปต่อเดือน | การเข้ารวดเร็วจากทั่วโลก เนื่องจากระบบ GETAPPEASYใช้ CLOUD อย่างแท้จริงของต่างประเทศที่ดีที่สุดในโลก ไม่ใช่ CLOUD VPS ทำให้การเข้าถึงจากต่างประเทศรวดเร็ว และอัตราการล่มต่ำมาก โอกาสเสี่ยงที่ข้อมูลของท่านจะเสียหายและสูญหายจะต่ำมาก |
11.สอบถามเรื่องการใช้งาน | เนื่องด้วยระบบของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละเจ้าทำให้ต้องตามคนที่ดูแลของลูกค้ามาตอบคำถาม ซึ่งถ้าคนนั้นออกหรือว่าหายไปแล้ว ธุรกิจก็อาจจะสะดุดได้ | ลูกค้าทุกรายจะอยู่ภายใต้ระบบแกนกลางเดียวกัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถดูแลระบบของลูกค้าได้เลย |
12. การอัพเดทระบบให้ทันสมัยและมีเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะช่วยให้ธุรกิจโดดเด่น | ลูกค้าจะต้องศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองไม่มีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญคอยดูแลและพัฒนา ทำให้ระบบมีการล้าสมัย และพลาดในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ | ทีมงาน GETAPPEASY มีฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสมอ เมื่อเห็นอะไรที่คิดว่าจะช่วยพัฒนาระบบให้ดีขึ้น ทันสมัยมากขึ้น ทางทีมงานก็จะพัฒนาระบบให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งหากมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ทีมพัฒนาก็จะพัฒนาให้รองรับเสมอ |
ทั้งนี้รูปแบบ App สำเร็จรูปของ Getappeasy ยังมาพร้อมเวบไซต์ที่ออกแบบมาสวยงามแตกต่างจากเจ้าอื่นอีกด้วย ทำให้หน้าตาของธุรกิจลูกค้าบนโลกออนไลน์ มีความสวยงาม ทันสมัย และน่าเชื่อถือ ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์อีกด้วย ส่งผลให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวสินค้าและบริการของท่านมากขึ้นว่าเป็นของดี ของแท้มีคุณภาพ ธุรกิจที่สามารถใช้ Application สำเร็จรูปของ GETAPPEASY นั้นมีหลายรูปแบบธุรกิจด้วยกันยกตัวอย่างเช่น
- ธุรกิจทัวร์
- ธุรกิจขายสินค้าต่างๆออนไลน์ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ อาหารเสริม และอื่นๆ
- ธุรกิจขายสินค้าต่างๆแบบ Offline ที่อยากจะเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์
- ธุรกิจร้านอาหารแบบ delivery
- ธุรกิจร้านนวด สปา
- ธุรกิจสถานเสริมความงาม
เพราะนอกจากเราจะมีระบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์และแอพพลิเคชั่นร้านค้าออนไลน์สำหรับการซื้อ/ขายสินค้า,บริการแล้ว เรายังมีระบบจองทัวร์,จองร้านอาหาร,จองรถ และอื่นๆอีกด้วย ถ้าลูกค้าไม่แน่ใจให้ติดต่อ-สอบถามเราได้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่สามารถใช้ระบบสำเร็จรูปได้จริงๆเราก็จะมีข้อแนะนำอื่นๆจากมืออาชีพครับ