ผลการวิจัยรายงานว่าจากการสำรวจเฟซบุ๊กเพจจำนวน 3,000 เพจโดย SocialFlow แสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญของการเข้าถึงแบบออแกนิคในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
การเข้าถึงแบบออแกนิกใน Facebook เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำเจ้าของเพจและนักการตลาดทั้งหลายงงงวยและเหนื่อยหน่ายที่จะรับมือและทำความเข้าใจ แต่ที่ผ่านมาเราก็ยังพอทนเพราะเป็นตัวเลขแค่เล็กน้อยและเหมือนว่ายังมีทางออกอีกมากในการทำให้ค่า reach เพิ่มขึ้น แต่พักหลังมานี้คุณรู้สึกหรือเปล่าว่าเหมือนยิ่งทำก็ยิ่งไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา และมันไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง!
ผลการวิจัยรายงานว่าจากการสำรวจเฟซบุ๊กเพจจำนวน 3,000 เพจโดย SocialFlow แสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญของการเข้าถึงแบบออแกนิคในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
จากชาร์ตด้านล่างเราจะเห็นได้ว่ายอดของการเข้าถึงดูเป็นปกติหลังจากเดือนมกราคมที่มีการเข้าถึงน้อยกว่าปกติและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และรักษาระดับได้ดี
แต่จากชาร์ตที่สองซึ่งเป็นชาร์ตที่แสดงถึงจำนวนโพสต์ เรากลับพบว่าโพสต์มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกเดือน เมื่อเทียบกับชาร์ตแรกจึงเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมโพสต์ที่มากขึ้นแต่การเข้าถึงกลับเท่าเดิม ทั้งที่จริงๆ แล้วจำนวนโพสต์ที่เพิ่มขึ้นควรมีความหมายถึงจำนวนการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้นด้วยไม่ใช่หรือ?
เมื่อมาดูชาร์ตที่สามที่บอกเราถึงค่าของการเข้าถึงต่อหนึ่งโพสต์ ทำให้เราเห็นว่าในเดือนพฤษภาคมมีค่าการเข้าถึงต่อโพสต์เพียง 68,000 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคาที่ได้ถึง 117,000
Jim Anderson CEO ของ SocialFlow บอกกับเราว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เฟซบุ๊กมีการปรับอัลกอริทึ่มโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
“เฟซบุ๊กปรับอัลกอริทึ่มอยู่เรื่อยๆ เพื่อปรับ User Experience ย้อนกลับไปในไตรมาสที่ 4 จนถึงเดือนมกราคมที่บริษัทสื่อเริ่มคุ้นและทำงานได้ดีกับอัลกอริทึ่มแบบเดิม หลังจากนั้นเฟซบุ๊คก็เปลี่ยนมัน”
และยังไม่มีกการยืนยันถึงสาเหตุที่ชัดเจนของการปรับอัลกอริทึ่มของเฟซบุ๊กครั้งนี้ Anderson คาดว่าน่าจะเป็นการที่เฟซบุ๊กหันมาให้ความสำคัญกับโพสต์จากบุคคลทั่วไปมากกว่าโพสต์จากเพจ เพื่อดันให้คนกลับมาสนใจแชร์เรื่องราวของตัวเองลงในเฟซบุ๊กมากขึ้นหลังจากมีรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองน้อยลง นอกจากนี้ยังคัดกรองเพื่อไม่ให้ผู้ใช้ได้รับข่าวสารจากแหล่งข่าวเดียวกันแบบติดๆ กัน และยังปรับอัลกอริทึ่มเพื่อจัดลำดับความสำคัญของวิดีโอ
“ผมว่าอัลกอริทึ่มพวกนี้เหมือนศิลปะด้านมืด เราจับตาดูมันและตื่นเต้นไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งพร้อมที่จะปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลง เพราะถึงแม้ว่าเราจะควบคุมมันไม่ได้ แต่การรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างและการเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทำให้เราสามารถวางแผนเพื่อการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพได้”
และบทความนี้แสดงให้เราได้เห็นว่า Facebook มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไม่ควรให้ธุรกิจของเราพึ่งพาไปที่ Facebook เพียงช่องทางเดียว เราควรใช้ Facebook เพื่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ธุรกิจออนไลน์ของเราควรจะมี Website และ Application ของตัวเอง เพื่อเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ เราควรสร้างฐานลูกค้าบน Platform ของเราเอง( Website , Mobile Application) ไม่ใช่ไปฝากที่ Social media