การขายบน Facebook มีข้อเสียจำนวนมาก เราควรมีเว็บไซต์ และ App ของเราเองเพื่อความน่าเชื่อถือ และบริหารธุรกิจออนไลน์ให้ทะลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาดู 21 เหตุผลที่เราไม่ควรใช้ Facebook เพื่อขายสินค้า บริการของเรา
1. คุณอย่าฝากความหวังทั้งหมดไว้บน facebook เพราะความที่เขาเปลี่ยนแปลงบ่อย เราต้องคอยตามอยู่สม่ำเสมอ
2. facebook ของคุณจะติดหน้าแรกหน้าเดียวถ้าค้นหาใน Google ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เวลาสนใจจะซื้อสินค้าเขาจะค้นหาใน Google ซึ่งถ้าเราไม่ใช้คำค้นหาเป็นชื่อร้าน โอกาสที่ facebook ของคุณจะแสดงในหน้าแรกๆ ของ Google นั้นน้อยมาก (ลูกค้าหาร้านคุณยากกว่าที่คุณมี Web และ App ของตัวเอง)
3. facebook จะเผยแพร่โพสไปยังหน้าฟีดของผู้ติดตามแค่ 1% น้อยมาก แล้วเรามาลองคำนวนดูว่ามีผู้ติดตามร้านคุณ 50,000 คน ในเวลาที่เราโพสอะไรก็แล้วแต่ จะมีคนเห็นโพสคุณแค่ประมาณ 500 คนเท่านั้น
4. facebook ไม่ใช่บ้านของเรา หาก facebook ล่ม โดนแบน หรือบล็อกเราขึ้นมาเราจะทำอย่างไร
5. facebook ดูรูปยาก โดยเฉพาะลูกค้าที่ดูหน้า facebook ผ่านทาง smartphone จะดูยากเพราะรูปจะถูกเรียงตามวันที่โพส ไม่ได้เรียงตามอัลบั้ม และรูปเหล่านี้จะกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ
6. facebook ไม่แจ้งเตือนโพส ปัญหาที่หลายๆคนเจอคือลูกค้าโพสคอมเม้นต์สอบถามรายละเอียดสินค้า แต่เราจะไม่ได้รับการแจ้งเตือน ไม่รู้ว่ามีคนโพสถาม ก็เลยไม่ได้ตอบ ทำให้เสียโอกาสในการขายไป
7. ลูกค้าไม่ได้สั่งซื้อสินค้าในในตอนนั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่จะกด like ก่อนแล้วมาดูทีหลัง เอาละซิร้านชื่ออะไร จำชื่อร้านไม่ได้
8. ถ้าลูกค้าเห็นสินค้าของคุณกด Like ไว้ แต่ยังไม่ซื้อทันที ถ้าเขามานึกอยากซื้อตอนหลังดันจำชื่อร้านคุณไม่ได้ ถ้าในกรณีที่ลูกค้าจำได้ เมื่อเข้าไปแล้วก็อาจจะหาสินค้าชิ้นนั้นไม่เจอ ทำให้เกิดความยุ่งยากจนไม่เกิดการซื้อ ทำให้เจ้าของร้านเสียโอกาส (ถ้าคุณมีระบบ Website หรือ App ลูกค้าจะสามารถกดปุ่ม Add to Whish list ซึ่งก็คือ การกดปุ่มเพื่อบันทึกไว้ที่เมนู My wish list หรือสินค้าที่ตัวเองสนใจอยู่ ซึ่งเมื่อถ้าลูกค้าพร้อมจะซื้อ ก็สามารถเข้าไปดูที่เมนูนั้นได้ง่ายๆ และถ้าระบบที่ดี เจ้าของร้านจะสามารถส่งข้อความไปแจ้งเตือนลูกค้าได้อีกเมื่อสินค้าที่อยู่ใน Wish list นั้นมีการจัดโปรโมชั่น หรือของกำลังจะหมด จะเห็นได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในการปิดการขาย)
9. คนที่ทำธุรกิจแบบคุณมีมากมายมหาศาล ถ้าร้านคุณไม่มีชื่อเสียงจริงๆ โอกาสเกิดยากมาก และเนื่องจากการเปิด Page บน Facebook นั้นฟรี คู่แข่งจึงมหาศาลและ Facebook ได้เปลี่ยนวิธีการแสดงเพจของคุณ, สินค้าของคุณ ไปบนบนหน้า Feed ของลูกค้าให้แสดงยากขึ้นแม้กระทั่งลูกค้าคนนั้นได้กด Like ที่ Page ไว้แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่บางทีเสียเงินโฆษณามากมายกว่าจะมีคนกด Like หลักหมื่น แต่คนดันอ่านสิ่งที่ผู้ดูแลร้าน ผู้ดูแลธุรกิจโพสต์เพื่อเสนอหรือขาย เพียงหลักร้อยหลักสิบเท่านั้นเอง เนื่องจาก Face book จะได้บีบให้คุณเสียเงินโฆษณามากขึ้นและต่อเนื่อง และถ้าธุรกิจแบบคุณมีเยอะ การประมูลราคาเพื่อเพิ่มโอกาสการเห็นโฆษณาของคุณมากขึ้น ก็จะสูงขึ้น เพราะมีการประมูลราคาแข่งกัน
10. ร้านค้าใน facebook มีความน่าเชื่อถือน้อยมาก เห็นได้ว่าหลายคดีดังๆ ในพันทิป ล้วนมาจากร้านใน facebook เพราะเปิดง่าย ปิดง่าย และตามตัวยาก
11. เราจะไม่สามารถปิดการขายได้ง่ายๆ เพราะต้องคอยคุยกับลูกค้าตลอด ไม่ว่าจะทั้งทาง inbox ใน facebook หรือตอบไลน์ลูกค้า หากเราตอบช้า ลูกค้าก็จะเบี่ยงเบนไปซื้อร้านอื่นที่เขาติดต่อไว้เช่นเดียวกัน
12. การที่ลูกค้าซื้อของใน Facebook เราไม่สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระเบียบเพื่อเหตุผลดังนี้ได้เลย
- ดูว่าสินค้าชิ้นไหนลูกค้าซื้อมากสุด
- ดูว่าแต่ละเดือนยอดการขายเราเท่าไร
- ติดตาม วิเคราะห์ ยอดขายที่เราออกโปรโมชั่น หรือลงทุนโฆษณา เพื่อวัดผลว่าผลที่กลับมายอดขายเพิ่มขึ้นในระดับใด เพื่อการกำหนดทิศทางการตลาดที่ถูกต้อง ซึ่งการที่คุณมีระบบ App และ Website ที่ดี คุณสามารถเปิดดูสถิติเหล่านี้ โดยเลือกดูเป็นช่วงเดือน ช่วงเวลาได้แบบง่ายๆ และรวดเร็ว
- สินค้าแต่ละตัวมีอยู่ใน Stock เท่าไร และสินค้าชิ้นไหนที่จะหมด Stock แล้ว
- วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อกำหนดทิศทางการตลาดให้แม่นยำ และโดนใจลูกค้าที่สุด
และอื่นๆ
13. Facebook ไม่สามารถจัดระบบโปรโมชั่นได้ เช่นซื้อสินค้าชิ้นนี้ แถมชิ้นนี้ , ซื้อสินค้าชิ้นนี้ อีกชิ้นลดกี่ % , หรือตั้งลดราคาสินค้า และรูปแบบโปรโมชั่นอื่นๆ ที่สำคัญมากในทางการตลาด (4P marketing) เพื่อกระตุ้นยอดขาย การขายใน Facebook ไม่สามารถตั้งระบบแบบนี้ได้ แต่ถ้าคุณมีเวบ และ App ที่ระบบดี คุณจะสามารถตั้งค่าเหล่านี้เพื่อกระตุ้นยอดขายได้
14. Facebook ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่จะสามารถเรียกลูกค้ามาซื้อซ้ำได้ เช่น การให้แต้มเมื่อซื้อสินค้า เป็นต้น ระบบนี้จะช่วยเพิ่มการการภักดีต่อร้านค้าของคุณ เพราะลูกค้าอยากได้แต้ม สะสมแต้มเพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆตามที่ร้านค้ากำหนด สิ่งเหล่านี้ Facebook ทำไม่ได้
15. Facebook ไม่สามารถแจ้งเตือนสินค้ามาใหม่ โปรโมชั่น หรือสินค้าที่ลูกค้าสนใจกำลังลดราคาได้ ข้อนี้สำคัญมาก การใกล้ชิดลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญมากต่อการตลาด การที่คุณมี App คุณสามารถส่ง Push notification ไปเพื่อส่งข้อความแจ้งเตือนสินค้าใหม่ สินค้าลดราคา สินค้าโปรโมชั่นได้ ไปยังหน้าจอมือถือของลูกค้าของคุณ รวมถึง การมีระบบ Website และ App นอกจากสื่อสารกับลูกค้าด้วย Push notification แล้ว ยังสามารถทำ Email marketing ได้ด้วย
16. Facebook ไม่สามารถแยกหมวดหมู่ และประเภทของสินค้าได้ทำให้ลูกค้ายากต่อการดูสินค้า
17. ลูกค้าไม่สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างแท้จริง ต้องโทรเข้ามาหรือส่งข้อความเข้ามาและลูกค้าไม่สามารถเลือกวิธีชำระเงินอื่นๆได้เลยนอกจากโอนเงิน
18. Facebook ไม่สามารถสร้างดีลได้เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในเวลาที่กำหนด ซึ่งวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีมากในการเร่งการตัดสินใจของผู้ซื้อ
19. Facebook ไม่สามารถให้ลูกค้าสมัครสมาชิกได้ ทำให้ทุกครั้งที่ลูกค้าจะสั่งซื้อต้องมาบอกที่อยู่ใหม่ในทุกครั้ง ซึ่งจะทำให้เพิ่มขั้นตอนการซื้อ ลูกค้าอาจจะไม่ซื้อเลยก็ได้ เมื่อเปรียบกับการที่ลูกค้าซื้อผ่าน App ได้แบบง่ายๆไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น
20. แน่นอนเลยเราไม่สามารถแจกคูปองโปรโมชั่นต่างๆ ให้ลูกค้ามากรอกเพื่อรับสิทธิ์ได้เลยบน Facebook
21. เวลาลูกค้าหาชื่อร้านของเรา บางที่ชื่อซ้ำกันหลายอัน ทำให้ลูกค้าไม่รู้จะเข้าอันไหน หรือไม่แน่ใจว่าอันไหนคือเพจของคุณ และบ่อยครั้งมากจะเจอปัญหาที่ลูกค้าหาเพจเราได้เจอ
จะเห็นได้ว่าการขายบน Facebook มีข้อเสียจำนวนมาก ดังนั้นเราควรมีเว็บไซต์ และ App ของเราเองเพื่อความน่าเชื่อถือ และบริหารธุรกิจออนไลน์ให้ทะลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณควรจะเริ่มคิดมี Website และ Application ของธุรกิจคุณเอง
แล้วมาดูกันว่าถ้าอย่างนั้น Facebook เหมาะสำหรับทำอะไรในธุรกิจออนไลน์
วิธีการทำการตลาดผ่าน facebook ที่เหมาะสม และอยากแนะนำนั้นมีอะไรบ้าง
1. ควรลง Promote กับ facebook (facebook campaign) เพราะเราจะกำหนดได้ว่าอยากให้โฆษณาของคุณแสดงที่เป้าหมายใด เลือกแสดงเพศ อายุ ชอบสินค้าอะไร ได้หมด จะทำให้ยอดไลค์ของคุณเพิ่มขึ้น รวมทั้งโอกาสในการขายก็มากขึ้นด้วย
2. Facebook เหมาะสำหรับแจ้งข่าวสารบริษัท
3. ถ้าเรามี App ขายสินค้า แทนที่เราจะโปรโมตสินค้าให้ลูกค้ามาซื้อ แต่เราควรโปรโมตให้ลูกค้าดาวโหลด App เพื่อซื้อสินค้า และรับสิทธิประโยชน์พิเศษ กรณีซื้อสินค้าผ่าน App (ถ้ามี) ถ้ายังไม่มีก็อาจให้เขาโหลดเพื่อง่ายต่อการซื้อ และติดตามสินค้าของเรา รวมถึงติดตามโปรโมชั่นที่จะมีต่อไปข้างหน้า เพราะเมื่อลูกค้าโหลด App ของเราแล้ว เราจะส่งข่าวสารหาลูกค้าได้ง่ายขึ้น ลูกค้าก็จะเลือกซื้อสินค้าของเราได้ง่ายขึ้นด้วย
4. Facebook เหมาะกับการสร้าง viral marketing
5. Facebook ช่วยในการสร้าง Brand สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
เมื่อลูกค้าได้รู้แล้วว่าเครื่องมือไหนเหมาะกับอะไรในธุรกิจ ก็ควรใช้เครื่องมือให้ตรงจุดประสงค์ เพื่อการตลาดที่ถูกต้อง สิ่งนี้จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ช่วยแชร์เพื่อเป็นความรู้ด้วยครับ