แอพพลิเคชันจะไม่ถูกมองเป็นแค่ การสร้างตราสินค้า สำหรับธุรกิจขนาดเล็กอีกต่อไป เจ้าของธุรกิจจะต้องฉลาดในการใช้พลังทางการตลาด ด้วยแอพพลิเคชั่นที่มีการออกแบบที่ดี ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ทางธุรกิจ
เนื่องด้วยการซื้อขายของออนไลน์นั้นมันง่าย และเข้าถึงได้ง่าย ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ก็จะต้องมีแอพมือถือเพื่อสู้กับคู่แข่งได้
ทำไมธุรกิจขนาดเล็กจะต้องพัฒนาแอพมือถือ
หลายปีก่อน การพัฒนาแอพมือถือนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่ธุรกิจขนาดเล็กจะสามารถจ่ายได้ แต่ในช่วงหลังนี้ ได้มีการพัฒนาแอพสำเร็จรูปให้เช่าใช้บริการ ที่สามารถนำมาใช้งานได้โดยง่าย แม้แต่คนที่ไม่สามารถเขียนโปรแกรมได้ก็สามารถมีแอพได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก
แอพสำเร็จรูปนี้ทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายและใช้เวลาน้อยในการพัฒนาแอพ ทำให้หลายๆ ธุรกิจสามารถมีแอพของตนเองได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแบรนด์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้เป็นลูกค้าประจำหรือเฉพาะเจาะจงกับธุรกิจใดๆ เจ้าของธุรกิจอาจจะพัฒนาแอพให้น่าสนใจ น่าใช้งาน ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้งานและเลือกซื้อสินค้า
ธุรกิจขนาดเล็กประเภทใดที่ควรพัฒนาแอพ
จากผลสำรวจแอพ จำนวน 40,402 แอพ ในปี 2015 พบว่าธุรกิจประเภทร้านอาหารและยิมนั้นมีการพัฒนาแอพสูงมาก และมีแอพเพิ่มมากขึ้นในธุรกิจอื่นๆ เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม ธุรกิจขายสินค้าต่างๆ แม้แต่นักการเมืองหรือช่างประปา
แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้พัฒนาแอพมากขึ้น นั่นก็คือการสร้างแอพมันง่ายขึ้นนั่นเอง โดยมีฟังก์ชันที่สำคัญ เช่น ระบบจ่ายเงิน หรือจอง ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัทในระยะยาวได้ เช่น ช่วยลดเวลาของพนักงานในการจัดการการซื้อขาย ทำการจ่ายเงิน หรือบันทึกการจอง
สำหรับธุรกิจที่มีลูกค้าอยู่หลายๆ ที่ จะต้องมีแอพที่สามารถแสดงข้อมูลสินค้าผ่านแอพได้ แม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตก็ตาม
ธุรกิจขนาดเล็กจะได้ประโยชน์จากแอพมือถืออย่างไรบ้าง
จากผลสำรวจ คือ 62% ของธุรกิจนั้น มีแอพมือถือเป็นของตนเองแล้ว หรือไม่ก็อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาแอพอยู่ และ 20% จากกลุ่มนี้ใช้แอพเพื่อสร้างแบรนด์ 30% สร้างรายได้ได้มากจากหลังจากมีแอพ และ 50% ใช้แอพเพื่อติดต่อและให้ความช่วยเหลือกับลูกค้า
ทุกวันๆ เราใช้เวลากับมือถือถึง 174 นาทีต่อวัน ยอดขายมือถือนั้นคาดว่าจะสูงถึง 74,000 ล้านเหรียญในปี 2015 ซึ่งมากกว่าปี 2014 ถึง 32% และคนในวัย gen Y ซื้อขายของออนไลน์ผ่านมือถือกันถึง 30% กลุ่มแม่บ้าน 33% และประชากรสหรัฐอเมริกาอีก 43%
อย่างไรก็ตาม แอพนั้นไม่เพียงใช้กับธุรกิจเพื่อการค้าเท่านั้น แอพยังใช้เพื่อกิจกรรมอื่นๆ เช่น ระบบจอง อัพโหลดไฟล์ แจกวอชเชอร์ แสดงจดหมายข่าว นิตยสารออนไลน์ ให้ความช่วยเหลือ แสดงข้อมูล บันทึกการออกกำลังกายและโภชนาการ ใช้ดูวิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย
แม้แต่ธุรกิจที่คุณไม่ได้นึกถึงก็อาจได้รับประโยชน์จากแอพโดยการที่คุณเข้าไปมีส่วนร่วมกับแอพ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทขายอาหารสัตว์จัดกิจกรรมให้คุณโพสภาพสัตว์เลี้ยงของคุณเพื่อชิงรางวัล บริษัทขายสินค้าสำหรับคุณแม่อาจจะสร้างชุมชนคุณแม่และจัดกิจกรรมร่วมกัน นายหน้าอาจจะสร้างแอพเพื่อแสดงราคาบ้านเปรียบเทียบราคาปัจจุบันกับราคาเมื่อห้าปีก่อน และมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาใช้งานและมีส่วนร่วม
แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร
ผลลัพธ์ของแอพต่อการสร้างรายได้นั้นอาจจะเปลี่ยนไป คาดว่ายอดดาวน์โหลดแอพที่ไม่ใช่เกมจะสูงขึ้นถึง 23% ในห้าปีข้างหน้า และมีมูลค่ากว่า 182,000 ล้านเหรียญในปี 2020 จะมีการนำ Smartphone มาใช้มากขึ้นซึ่งสังเกตุเห็นได้จากยอดดาวน์โหลดแอพที่จะสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2015 และปี 2020
จากข้อมูลปัจจุบันของยอดขายมือถือนั้นสามารถคาดการณ์ได้ว่า ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า ทุกคนจะกลายเป็นนักช้อปออนไลน์ คนยุค gen Y ถึง 69% จะซื้อสินค้าผ่านมือถือ 53% สำหรับคนในยุค Gen X และ 16% สำหรับคนในยุค Boomers
ในอนาคต อาจจะมีอุปกรณ์ทันสมัยใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องนำแอพมาพัฒนาใช้ร่วมกันได้เป็นประโยชน์ในโลกออนไลน์